วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2563

อาหารเพิ่ม "วิตามินเอ" กินง่าย ได้ประโยชน์


วิตามินเอ (Vitamin A) เป็นวิตามินที่สำคัญ จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตและการทำงานในทุกส่วนของร่างกาย ทั้งช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ดูแลในเรื่องของผิวพรรณ ดีต่อเยื่อบุในลำไส้ กระเพาะปัสสาวะ ดีต่อการมองเห็น และมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของเซลล์ด้วย แต่ข้อสำคัญคือร่างกายเราไม่สามารถที่จะสร้างวิตามินเอขึ้นมาเองได้ จึงจำเป็นจะต้องได้รับวิตามินเอผ่านการรับประทานอาหารในทุกๆ วัน ดังนั้นวันนี้ Hello คุณหมอ จึงได้รวบรวมเอาสุดยอด อาหารเพิ่มวิตามินเอ มาฝากกัน


สุดยอด อาหารเพิ่มวิตามินเอ

  • มันเทศ

มันเทศ มีรสหวาน อร่อย และอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ทั้งไฟเบอร์ ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม วิตามินซี และแน่นอนว่าอัดแน่นไปด้วยวิตามินเอที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยมันเทศขนาดกลางหนึ่งหัว จะให้ วิตามินเอ ต่อร่างกายสูงถึง 900 ไมโครกรัมเลยทีเดียว
  • ผักโขมลวกหรือต้ม

การรับประทานผักใบเขียว นับว่าเป็นเรื่องที่ดีเพราะในผักนั้นเต็มไปด้วยทั้งแร่ธาตุและวิตามินจำเป็นสำหรับร่างกาย ในผักโขมก็เช่นเดียวกัน มีทั้งแคลเซียม แมกนีเซียม มีแคลอรี่ที่ต่ำ อุดมไปด้วยวิตามินเค และวิตามินเอ โดยการรับประทาน ผักโขมต้มสุก 1 ถ้วย จะได้รับปริมาณของ วิตามินเอ ประมาณ 943 ไมโครกรัม ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการตลอดทั้งวัน
  • ฟักทองบัตเตอร์นัท (Butternut Squash) หรือ ฟักทองน้ำเต้า

ผักในตระกูล Squash หรือผักตระกูล ฟักทอง เป็นผักที่มีวิตามินเอสูง แต่ฟักทองบัตเตอร์นัท จัดว่าเป็นพืชตระกูลฟักทองที่ให้วิตามินเอมากที่สุด นอกจากวิตามินเอแล้ว ฟักทองบัตเตอร์นัท ก็ยังให้โพแทสเซียม แคลเซียม และวิตามินซีในปริมาณสูง ที่สำคัญคือแคลอรี่ต่ำ ซึ่งดีสำหรับผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนักด้วย
  • แคนตาลูป

ผลไม้สารพัดประโยชน์อย่างแคนตาลูป นำไปทำน้ำผลไม้ก็ได้ กินสดก็อร่อย ใส่เป็นเครื่องเคียงในขนมหวานก็ยิ่งดีใหญ่ เรียกได้ว่าแคนตาลูปลูกเดียว แต่นำไปใช้ประโยชน์ในเรื่องความอร่อยได้หลายทางจริงๆ ซึ่งนอกจากจะอร่อยและรับประทานได้หลายรูปแบบแล้ว แคนตาลูป ก็ยังเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินเอสูงอีกด้วย โดยแคนตาลูป 1 ถ้วย จะให้ วิตามินเอ 270 ไมโครกรัม และยังได้ทั้งโพแทสเซียม แมกนีเซียม และวิตามินซีอีกด้วย
  • พริกหยวกสีแดง

พริกหยวกสีแดง เป็นผักที่ให้แคลอรี่ต่ำ พริกหยวกแดงหนึ่งลูกให้พลังงานเพียง 37 แคลอรี่เท่านั้น การรับประทานพริกหยวกแดง 1 ผลจะให้ วิตามินเอ อยู่ที่ 187 ไมโครกรัม
  • มะม่วง

ผลไม้รับหน้าร้อน ของโปรดใครหลายคนอย่าง มะม่วง จัดว่าเป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่ให้วิตามินเอสูง โดย มะม่วง 1 ลูก มีปริมาณของ วิตามินเอ ราว ๆ 181 ไมโครกรัม
  • แอพริคอต (Apricot)

หนึ่งในผลไม้ที่ให้แคลอรี่ต่ำ ก็คือผลแอพริคอต ซึ่งนอกจากแคลอรี่น้อยแล้วก็ยังให้โพแทสเซียม ไฟเบอร์ และวิตามินเอ โดย แอพริคอต 1 ถ้วย ให้วิตามินเออยู่ที่ 158 ไมโครกรัม 
  • บรอกโคลีต้มสุก

สายรักผักอ่านแล้วคงยิ้มออก เพราะว่า บรอกโคลี เป็นอีกหนึ่งอาหารที่ให้วิตามินเอสูง โดยการรับประทานบรอกโคลีต้มสุก 1 ถ้วย จะได้ วิตามินเอ ที่ 120 ไมโครกรัม และที่สำคัญคือแคลอรี่น้อย เพราะบรอกโคลีหนึ่งถ้วยให้พลังงานแค่เพียง 54 แคลอรี่เท่านั้นเอง
  • ตับวัว

มากันที่เนื้อสัตว์บ้าง เพราะไม่เพียงแค่ผักกับผลไม้เท่านั้นที่ให้วิตามินเอ แต่เนื้อสัตว์อย่างตับวัว ก็ให้วิตามินต่อร่างกายด้วยเช่นกัน การรับประทานตับวัวทอดขนาด 3 ออนซ์ (หรือประมาณ 85 กรัม) จะให้วิตามินเอมากถึง 6,582 ไมโครกรัม เลยทีเดียว ถ้าใครชอบเนื้อสัตว์ล่ะก็ ไม่ควรพลาดตับวัว
  • น้ำมันตับปลา

อีกหนึ่งอาหารที่อาจจะค่อนไปทางอาหารเสริม โดยเฉพาะน้ำมันตับปลา เพราะเป็นอีกหนึ่งแหล่งวิตามินเอที่สำคัญ การรับประทานน้ำมันตับปลาหนึ่งช้อนโต๊ะ ให้ วิตามินเอ มากถึง 4,080 ไมโครกรัม ซึ่งดีกับระบบภูมิคุ้มกัน สุขภาพหัวใจ และยังอาจช่วยป้องกันอาการซึมเศร้าได้
  • พายฟักทอง

หากเป็นคนชอบของหวาน และอยากรับประทานของหวานที่ให้ประโยชน์กับร่างกายล่ะก็ อย่าลืมนึกถึงพายฟักทอง เพราะในฟักทองที่เป็นวัตถุดิบของพายนั้น มีเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) สารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะสาร ลูทีน (Lutein) และ ซีแซนทิน (Zeaxanthin) ที่มีส่วนช่วยในการมองเห็น และแน่นอนว่ารวมถึงวิตามินเอด้วย แค่รับประทานพายฟักทอง 1 ชิ้น ก็จะได้รับวิตามินเอราวๆ 488 ไมโครกรัม เรียกว่าทั้งอร่อยและพร้อมไปด้วยคุณประโยชน์จริงๆ
แม้ร่างกายจะไม่สามารถสร้าง วิตามินเอ ได้เอง แต่เราสามารถเพิ่มปริมาณวิตามินเอได้ผ่านการรับประทานอาหาร หมั่นกินผักและผลไม้หลากสี รวมถึงเนื้อสัตว์ให้ครบถ้วน เพื่อที่ร่างกายจะได้เต็มเปี่ยมไปทั้งพลังงานและสารอาหาร พร้อมที่จะเติบโตและสุขภาพดีได้ในทุกๆ วัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น